คนไข้มาบอกว่า ไปรักษามา สาม สี่หมอแล้ว ไม่หาย เมื่อสอบถามดูก็พบว่า หมอที่รักษามาก่อนหน้านี้ ทุกคนวินิจฉัยโรคตรงกัน ที่ว่าไม่หายนั้น คือ อาการดีขึ้นขณะที่ใช้ยา ยาหมดแล้วก็เป็น หรือดีขึ้นช่วงแรกๆ หรือหายไปแล้ว กลับมาเป็นใหม่ คนไข้บางคน มาพบหมอ บอกว่า ที่รักษาไปนั้น ไม่หาย เมื่อดูประวัติก็พบว่า เคยมารักษาครั้งสุดท้ายหลายเดือนแล้ว กลับมาเป็นใหม่ ลักษณะอย่างนี้ คนไข้บางคนก็จะบอกว่า หมอรักษาไม่หาย คือถ้าหาย ต้องไม่มีเพิ่ม ต้องไม่เป็นอีก ต้องหายไปเลย เคยถามคนไข้ว่า ที่เปลี่ยนหมอหลายครั้งจนมาเจอกันนี่ เพราะต้องการจะให้รักษาให้ไม่เป็นด้วยใช่มั้ย ไม่ใช่รักษาที่เป็นเท่านั้น

        แท้จริงแล้ว การรักษาไม่อาจเปลี่ยนธรรมชาติของโรคได้ โรคที่เป็นได้ครั้งเดียว จะรักษาให้เป็นซ้ำก็ไม่ได้ เช่นไส้ติ่งอักเสบ สุกใส หัด หรือโรคที่เมื่อเป็นแล้ว ไม่หายต้องใช้ยาไปตลอด เช่น เบาหวาน ความดัน ก็เป็นอย่างนั้น ที่ตรวจพบว่า ปกติดีอยู่ ก็เพราะอาศัยยากำกับอยู่ คือ โรคไม่หาย ก็ต้องรักษาตลอด ส่วนโรคที่เป็นๆ หายๆ การรักษาก็ช่วยให้หายจากที่เป็น ไม่เกี่ยวกับที่จะเป็นใหม่ เพราะเป็นเรื่องของการป้องกัน เช่นหวัด ถ้าติดนิสัยอดหลับอดนอน พักผ่อนน้อย ไม่ออกกำลังกาย ชอบไปที่คนแออัดยัดเยียดก็เป็นหวัดได้บ่อย จะบอกว่า เมื่อ 3 อาทิตย์ก่อน ก็เพิ่งรักษาหวัดไป ครั้งนี้ขอยาฉีดหรือ ยาดีกว่าเดิมจะได้ไม่เป็นใหม่ หรือไม่เป็นบ่อย อย่างนี้เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลย

          ถ้าเช่นนั้น การรักษาทำอะไร? การรักษานั้น เปลี่ยนการดำเนินโรค เช่นว่า ถ้าคนไข้พบว่าเป็นเบาหวานแล้วไม่รักษา เราพยากรณ์ได้แน่นอนว่า คนไข้จะต้องมีอายุขัยสั้นลงกว่า คนวัยเดียวกันที่ไม่เป็นเบาหวานแน่นอน และจะต้องมีโรคแทรกซ้อนของเบาหวานอะไรเกิดขึ้นกับเขาบ้าง เป็นต้นว่า จะต้องเป็นต้อ มีแผลติดเชื้อเรื้อรัง เป็นโรคหัวใจ ไตวาย ฯลฯ แต่ถ้ามีการรักษา การรักษาจะเปลี่ยนการดำเนินโรค แม้ว่า ยังคงเป็นโรคที่ไม่หาย ต้องรักษาไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่กล่าวไปนั้น อาจจะไม่เกิดขึ้น หรือยืดระยะเวลาออกไป คุณภาพชีวิตจะดีขึ้น

Tweet

Share

0