ยิ่งเกา ยิ่งคัน
เป็นคำพูดที่พูดติดปากกันมานาน ว่า "ยิ่งเกายิ่งคัน" และหมอส่วนใหญ่ก็มักจะแนะนำคนไข้ที่มีผื่นคัน ว่า อย่าเกา ยิ่งเกาจะยิ่งเป็นมากขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยวอชิงตันใน St.Louis ได้ค้นพบกลไกที่อธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าว
ในเวลาที่เรารู้สึกคันนั้น ความรู้สึกคันจะกระตุ้นให้เราเกา และการเกา ก็จะไปกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกเจ็บขึ้นในสมอง โดยผ่านวิถึประสาทที่ใกล้เคียงกับความรู้สึกคัน และทำให้สมองหยุดรับรู้ความรู้สึกคันชั่วคราว การเกาจึงทำให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันเมื่องสมองรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดจากการเกา ก็จะมีการหลังสารสื่อประสาท ที่เรียกว่า Serotonin
น้ำกัดเท้า
ช่วงนี้ข่าวน้ำท่วมที่นั่นที่นี่ มีแต่คนพูดถึงเรื่องโรคน้ำกัดเท้า เลยคิดว่า เรามาทำความรู้จักกับโรคน้ำกัดเท้าสักหน่อยคงจะดี เพราะมีความเข้าใจผิดกันว่า เป็นโรคเดียวกับฮ่องกงฟุต หรือเชื้อราที่เท้า และมักจะให้การรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อรา ซึ่งไม่ค่อยจะถูกต้องนัก
จริงๆ แล้ว โรคน้ำกัดเท้านี้ ไม่ได้เป็นโรคเฉพาะเจาะจง จึงหาโรคนี้ในชื่อภาษาอังกฤษไม่ได้ โดยธรรมชาติแล้วผิวหนังของคนเราควรจะแห้ง เพราะเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนบก
โรคมือ เท้า ปาก (Hand foot mouth disease)
ในช่วงหน้าฝน หรือฝนต่อหนาว ช่วงนี้ มีคนไข้ที่มาพบ ด้วยอาการ ตุ่มเจ็บๆ ที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า 2-3 ราย ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีประวัติ แผลในปากร่วมด้วย คล้ายแผลร้อนใน ซึ่งได้รับการวินิจฉัย ว่าเป็น โรคมือ เท้า ปาก
โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่พบได้บ่อยๆ ในเด็กที่เริ่มไปโรงเรียนแล้ว แต่พักหลัง พบในคนโตบ่อยขึ้น เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ของทางเดินอาหาร ตระกูล coxakie และ entero virus ซึ่งติดต่อกันผ่านทาง น้ำมูก น้ำลายในช่วงที่มีอาการ และยังแพร่เชื้อผ่านทางอุจจาระ ไปสู่ทางเดินอาหารต่อเนื่องไปได้อีกหลายเดือน แม้ว่า อาการจะหายแล้ว
โรคผื่นกุหลาบ (Pityriasis rosea)
ช่วงนี้สังเกตว่า มีคนไข้มาด้วยผื่น เป็นจุดๆ หรือปื้นเล็ก ขนาดประมาณ 1-2 ซม.กระจายตัวในบริเวณร่มผ้า ในตำแหน่งเหมือนคนใส้เสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น คือต่ำกว่า เข่า หรือศอก พบผื่นได้น้อย ผื่นจะกระจุกตัวอยู่บริเวณซอกคอ รอบรักแร้ และขาหนีบมากหน่อย ลักษณะผื่นเป็นรูปรี วางตัวตามแนวย่นของผิวหนัง
ถ้าผื่นมีจำนวนมากพอ สังเกตที่แผ่นหลังจะเรียงตัวคล้ายต้นสน หรือที่ฝรั่งเรียก christmas tree pattern ถ้าดูในรายละเอียดของผื่น บางครั้งจะพบว่า จะมีผื่นอันแรกขึ้นมาก่อน มีลักษณะใหญ่กว่าอันอื่นๆ คือประมาณ 3-5 ซม. เรียกว่า ผื่นแม่ หรือ Herald patch แล้วหลังจากนั้น จึงมีผื่นเล็กๆ หรือผื่นลูกตามมา เมื่อผ่านไประยะหนึ่งผื่นจะมีสะเก็ด ซึ่งมีลักษณะที่อยู่”ใน”ผื่น หันขอบเข้าด้านใน ด้วย
รูขุมขนกว้าง
ถ้าสังเกตสักหน่อย จะเห็นว่า รูขุมขนกว้างนั้น มักจะเป็นกับคนที่ผิวหน้ามัน ยิ่งมันมากรูขุมขนก็ยิ่งดูกว้าง ตำแหน่งที่รูขุมขนดูกว้าง ก็มักจะเป็นตำแหน่งเดียวกับตำแหน่งที่มีต่อมไขมันอยู่มาก คือแถวๆ จมูก และข้างๆ จมูก รองลงมาก็เป็นที่หน้าผาก และคาง
ทั้งนี้ก็เพราะ ร่างกายขับไขมันออกมาทางรูขุมขน เพื่อเคลือบผิวหนังและเส้นขน หรือผมให้เงางาม ดังนั้น การที่มีผิวมัน ธรรมชาติจึงให้รูขุมขนกว้างมาด้วยกัน เพื่อให้ระบายไขมันได้สะดวก และลักษณะผิว ว่าเป็นผิวมันหรือผิวแห้งนั้น กรรมพันธ์มีส่วนกำหนด ฉะนั้น การแก้ไขให้คนรูขุมขนกว้างกลายเป็นรูขุมขนแคบ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนคนผิวมันให้เป็นคนผิวแห้งได้ อย่างไรก็ตาม ในคนที่รับประทานยาคุมกำเนิด หรือยารักษาสิวบางชนิดที่ไปลดการทำงานของต่อมไขมันลง เรามักสังเกตว่า ช่วงนั้น ดูเหมือนว่ารูขุมขนจะเล็กลง แต่เราก็คงไม่สามารถที่จะทานดังกล่าวไปเรื่อยๆ ได้เนื่องจากจะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น