การทำ microdermabrasion หรือที่เรียกว่ากรอหน้าด้วยเกล็ดอัญมณีนั้น แท้จริงแล้วเป็นการใช้ผงอลูมิเนียมออกไซด์ ขัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอกออก ด้วยเครื่องมือที่ทำงานโดยการพ่นผงดังกล่าวลงไปที่ผิวหนัง แล้วดูดกลับ ทำนองเดียวกับวิธีการที่ใช้ในการขัดเครื่องเซรามิค

          วิธีการดังกล่าวเป็นวิธีการที่ปลอดภัยถ้าทำอย่างถูกวิธี และรักษาความสะอาด ผงที่ใข้ขัดไปแล้วจะต้องไม่ถูกนำมาใช้ซ้ำอีก เซลล์ผิวหนังที่ถูกขัดออกไปนั้น เป็นเซลล์ผิวหนังกำพร้าชั้นนอก เซลล์ผิวหนังในชั้นนี้อาจจะมีการสะสมเม็ดสีอยู่มาก โดยเฉพาะในผู้ที่เริ่มมีอายุมากขึ้น ซึ่งอัตราการผลัดเซลล์ผิวหนังจะช้าลงกว่าคนหนุ่มสาว การทำ microdermabrasion ก็จะช่วยให้หน้าดูขาวใสขึ้นได้ เพราะเม็ดสีถูกขัดออกไป อย่างไรก็ตาม วิธีการดังกล่าว ทำได้เพียงแค่เซลล์ผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือความร้อนขึ้นในชั้นที่ลึกลงไป ดังนั้น การอ้างว่า การทำ microdermabrasion จะช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิวได้ ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ตลอดจนทำให้รูขุมขนเล็กลงนั้น จึงเป็นคำกล่าวที่ดูจะเกินจริงไป เว้นแต่ใช้ microdermabrasion ร่วมไปกับการรักษาอื่นๆ เช่น ในการรักษาด้วยเลเซอร์นั้น พบว่าถ้าทำการลอกผิวหนังชั้นนอกออกไปก่อนจะทำให้ผลการรักษาดีขึ้น หรือใช้ microdermabrasion ร่วมกับการใช้ยาที่ระงับการทำงานของเซลล์สร้างสี หรือร่วมกับการทำการรักษาด้วยแสงที่เรียกว่า fotofacial rejuvenation

          แม้ว่าการทำ microdermabrasion จะมีความปลอดภัยค่อนข้างมาก และมีค่าใช้จ่ายน้อยเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ยังต้องระมัดระวังในรายที่ยังเป็นสิวในระยะอักเสบอยู่เพราะอาจจะทำให้สิวแย่ลง ตลอดจนไม่ควรทำในรายที่มีแผลอยู่ หรือมีการอักเสบติดเชื้อ ในผู้ที่เป็นเริมจะต้องระวังว่าอาจจะกระตุ้นให้เริมออกมาแสดงอาการได้ นอกจากการใช้ microdermabrasion เพื่อช่วยขัดลอกเซลล์ผิวหนังชั้นนอกออกแล้ว ยังมีการทำ microdermabrasion เพื่อช่วยรักษาให้รอยแตกลาย (Stretch mark) ดูดีขึ้นได้บ้าง โดยเฉพาะในรายที่ผิวขาว

Tweet

Share

0