รังแค ต่อมไขมันอักเสบ
ปัญหาหนึ่งที่พบบ่อยมากพอสมควรในเวชปฏิบัติโรคผิวหนังคือ ภาวะรังแค และต่อมไขมันอักเสบ (Seborrheic dermatitis) คนไข้ในกลุ่มนี้มักจะเป็นผู้ใหญ่ตอนต้น ไปจนถึงวัยสูงอายุ มาด้วยอาการคันศีรษะ มีผื่นแดง เป็นสะเก็ด เป็นตุ่มเล็กๆ และผมร่วงมากขึ้นกว่าเดิม แท้จริงแล้วโรคนี้เป็นได้ใน 2 กลุ่มวัย คือในวัยเด็กเล็กแรกเกิด ไปจนถึง 3-4 เดือน กลุ่มหนึ่ง กับอีกกลุ่มหนึ่งคือในผู้ใหญ่ซึ่งจะพบอุบัติการณ์สูงขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น
คนไข้ส่วนหนึ่งมักจะมาด้วยคำถามที่คิดว่าตัวเองเป็นเชื้อราที่หนังศีรษะ ในข้อเท็จจริง เชื้อราที่หนังศีรษะมักจะพบในเด็กวัยเรียน (ซึ่งไม่ค่อยเป็นต่อมไขมันอักเสบ) พอเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ต่อมไขมันซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของฮอร์โมน ก็จะเริ่มทำงานมากขึ้น สารบางอย่างที่ผลิตมาพร้อมกับไขมันจะมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ทำให้ผู้ใหญ่ไม่ค่อยเป็นเชื้อราที่หนังศีรษะ และอาการของเชื้อราที่หนังศีรษะ จะมีผมหักที่โคนผม ทำให้เห็นเป็นจุดสีดำๆ ที่หนังศีรษะ หรืออาจจะเป็นผื่นเป็นวงแดงๆ ที่หนังศีรษะ
ฝ้า
ฝ้าเป็นรอยสีน้ำตาลบนใบหน้า มีลักษณะเป็นปื้น มักเป็นบริเวณ โหนกแก้ม จมูก เหนือคิ้ว และที่ริมฝีปาก และ มักเป็นกับผู้หญิงในวัย 25 ถึง 50 ปี เป็นส่วนใหญ่ แต่ในผู้ชายก็พบได้เช่นกัน มีข้อความระบุในตำราผิวหนัง ว่าผู้ชายที่เป็นฝ้ามาก ควรจะต้องตรวจสอบหน้าที่การทำงานของตับ ทั้งนี้เป็นเพราะ ฮอร์โมนเพศหญิงที่ชื่อ เอสโตรเจน เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เป็นฝ้า ในผู้ชาย ฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งมีอยู่ในจำนวนเล็กน้อยจะถูกเปลี่ยนแปลงที่ตับ ในคนที่ตับไม่ดีจึงอาจจะมีฮอร์โมนนี้มากกว่าผู้ชายทั่วไป จึงมักพบว่าผู้ชายที่มีปัญหาโรคตับเรื้อรัง เช่น ตับแข็ง จะมีฝ้า , มีเต้านม (Gynecomastia), และมีลูกอัณฑะฝ่อลงงูสวัด
งูสวัด เป็นโรคที่คนไข้จะมาด้วยอาการตุ่มน้ำใสเป็นกลุ่มเรียงตัวเป็นแนว (ตามเส้นประสาท) บนพื้นสีแดง โดยที่จะมีอาการปวดเป็นอาการสำคัญ คนไข้ที่เป็นงูสวัด ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่ โดยในสมัยก่อนจะพบว่าคนที่เป็นงูสวัดส่วนใหญ่อายุจะเกิน 40 เกือบทั้งหมด แต่ปัจจุบันนี้ พบงูสวัดได้ในกลุ่มคนอายุน้อยกว่าเดิมมาก แม้กระทั่งในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ ก็มีให้เห็นได้บ่อยๆเริม
เริม หรือที่เรียกว่า เฮอร์ปีส์ (Herpes) นั้น เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งจะมีอาการ แสบๆ คันๆ ที่บริเวณที่เป็น ร่วมกับ ตุ่มน้ำใส เป็นกลุ่ม บนพื้นสีแดง เริมมี 2 ชนิด ชนิดแรกเป็นที่ผิวหนังในระดับที่เหนือกว่าเอว โดยมักจะเป็นที่ริมฝีปากเป็นส่วนใหญ่ แต่ที่ตำแหน่งอื่นๆ ก็เป็นได้ผื่นผิวหนังอักเสบ
คนไข้ที่มีปัญหาเรื่องผิวหนังอักเสบ (Eczema) จะมาด้วยอาการคัน เป็นผื่นแดง ร่วมกับตุ่มน้ำเล็กๆ (papulovesicular eruption) ที่คนไข้มักจะใช้คำว่าเป็นหัวใสๆ ขอบเขตของผื่นไม่ชัดเจน ในคนที่มีอาการอักเสบมาก ก็จะมาด้วยผื่นดังกล่าวร่วมกับน้ำเหลืองไหล เป็นสะเก็ดและคราบน้ำเหลือง แต่ถ้าเป็นเรื้อรังก็จะเป็นปื้นหนาๆ ที่เห็นลายของผิวหนังชัดเจนขึ้น ร่วมกับรอยเกา นอกจากนี้ รายที่มีการติดเชื้อแทรกซ้อน ก็อาจจะเป็นตุ่มหนอง บวมแดง เจ็บ ร่วมด้วย